แรงบันดาลใจจาก “The Phantom Of The Opera” ในซิงเกิลใหม่ของ LADY GAGA
- เจนจิรา หาวิทย์
- 21 ก.พ.
- ยาว 1 นาที

ในฐานะติ่งแม่กาก้าและทาสรักละครแฟนธ่อม ฉันช็อกไปเลย! กับท่อนบริดจ์ที่แม่รับบท ‘คริสติน’ โชว์แอดลิปไล่คีย์ในเพลง “Abracadabra”
.
เป็นการกลับมาที่สมฐานะ สมการรอคอยอย่างมากของราชินีดาร์กป็อป ‘LADY GAGA’ หลังจากห่างหายไปรับงานแสดงและทดลองทำเพลงในแนวอื่นๆ ตามประสาคนความสามารถรอบด้าน ในที่สุดแม่ก็กลับมาเสิร์ฟเพลงแด๊นซ์กระจายคอนเซปต์เริ่ดชุดแรงให้เหล่า Little Monsters ได้หายคิดถึง เริ่มด้วยซิงเกิลเรียกน้ำย่อยอย่าง “Disease” ที่บอกเล่าถึงการหลีกหนีและยอมรับตัวตนแต่ละด้านของตัวเอง กับงานวิชวลสุด Horror ระเบิดภูเขาเผากระท่อม วิ่งไล่ตัวเองรอบเมือง คือแค่เพลงนั้นแฟนเพลงก็สะใจมากพอแล้ว แต่พอแม่เซอร์ไพรส์เปิดตัวซิงเกิล “Abracadabra” ในงานประกาศรางวัลแกรมมี่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเท่านั้นแหล่ะ โซเชียลแตก!!!
.
เราเชื่อว่าแฟนเพลงแม่กาก้าฟังเพลงและดูเอ็มวีรอบเดียวจะรู้เลยว่ามันมี Elements จากงานในตำนานของแม่อยู่เต็มไปหมด! ทั้งท่อน “Abracadabra amor, oh na na morta, oh Gaga” ที่ให้ฟีลเหมือนท่อนไอคอนิกจาก ‘Bad Romance’ โทนสีและมุมกล้องที่ชวนให้นึกถึง ‘Alejandro’ แต่มีอีกจุดหนึ่งที่เราไม่คิดว่าแม่จะหยิบมาใส่ในเพลงคือท่อนนี้..
.
“Phantom of the dance floor, come to me
Sing for me a sinful melody
Ah, ah, ah
Ah, ah, ah”
.
แล้วชีก็เริ่มแอดลิปจนหลอดไฟแทบแตกประกอบกับฉากและการออกแบบท่าเต้นในมิวสิกวิดีโอที่สุดจะ Theatrical
.
โดยท่อนนี้จะได้แรงบันดาลใจมาจากท่อนดังในเพลง “The Phantom of The Opera” ของ Andrew Lloyd Webber ที่ว่า
.
“Sing, my angel of music
Sing, my angel
Sing for me”
.
นอกจากเนื้อหาที่มีการพลิกจาก ‘นางฟ้าแห่งเสียงดนตรี’ มาเป็น ‘เมโลดี้แห่งบาป’ และ ‘ปีศาจแห่งโรงอุปรากร’ มาเป็น ‘ปีศาจแห่งฟลอร์เต้นรำแล้ว’ ศิลปินยังได้ใส่องค์ประกอบทางดนตรีที่ชวนให้นึกถึงงานต้นฉบับเข้าไปด้วยอย่างการใส่เสียงของเครื่องสายและออร์แกนในท่อนนั้นแค่ท่อนเดียวตัดกับซาวด์อิเล็กทรอนิกป็อปทั้งเพลง แม้กาก้าจะไม่เคยให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุการหยิบงานมิวสิคัลเรื่องดังมาใช้ในเพลงนี้ อาจเป็นความชอบส่วนตัว หรือกลิ่นของ Dark Romance ที่เข้ากับคอนเซปต์เพลง แต่ผู้เขียนก็มองว่ามันสร้างความขนลุกขนพองให้คนฟังได้ดีทีเดียว
.
กาก้าเล่าในบทสัมภาษณ์กับ ELLE Magazine ว่า เพลงนี้พูดถึงการก้าวข้ามช่วงเวลาดำมืดในชีวิตด้วยการปลดแอกตัวตนและกล้าเต้นเพื่อฝ่ามันไปแบบโนสนโนแคร์ เต้นให้สุดเหวี่ยงเหมือนนี่จะเป็นการเต้นครั้งสุดท้ายในชีวิต เธอเปรียบเทียบแรงกดดันและคำวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม เป็นเหมือนกับคาถาหรือคำสาปที่พอได้ยินซ้ำหลายครั้ง เราก็จะตกอยู่ในมนต์นั้น เหมือนคาถา ‘Abracadabra’ ที่สะกดให้ทุกคนต้องเต้น และเธอก็จะเต้นเพื่อเอาชนะมัน ร่างเลดี้ชุดแดงคือความท้าทายจากโลก ส่วนร่างชุดขาวและชุดดำ ทั้งหมดคือเสียงในหัวของเธอที่ต่อสู้กันผ่านการประชันบนฟลอร์ Because.. “the category is DANCE or DIE?”
.
.
‘LG7: MAYHEM’ 7 มีนาคมนี้ ทุกสตรีมมิงแพลตฟอร์ม
.
.
เรื่อง: เจนจิรา หาวิทย์
.
ที่มา:
.
Comments